วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ภาวะโลกร้อน ^_^


ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หมายถึง การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศบนโลกสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริเวณใกล้ผิวโลกและบริเวณน้ำในมหาสมุทร ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นถึง 0.74 ? 0.18 องศาเซลเซียส และจากแบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศพบว่าในปี พ.ศ. 2544 ถึง พ.ศ. 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกก็จะเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่าก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทำให้อุณหภูมิของโลกค่อยๆสูงขึ้นจากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นก็มีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต รวมไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้แล้วก็กลับมาให้เราได้เห็นใหม่ และพาหะนำโรคที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ในอนาคตคาดว่าผลกระทบของภาวะโลกร้อนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเราสามารถช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้หลายวิธี หลักๆก็เห็นจะเป็นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด เพราะว่าพลังงานที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้กว่าจะมาถึงให้เราได้ใช้นั้น ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนในการผลิตมากมาย และแต่ละขั้นตอนก็จะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา เพราะฉะนั้นการลดใช้พลังงานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ การใช้น้ำอย่างประหยัด การใช้จักรยานแทนรถยนต์ในการเดินทางใกล้ๆ และอื่นๆอีกมากมาย
การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน ต้นไม้นั้นจะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทำลายและมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้ ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การทำโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ (กิจกรรมที่ 4.1)


กิจกรรมที่ 4.1 การทำโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์

          การทำโครงงานประเภทซอฟแวร์ประยุกต์ รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ 6 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 10 ชั่วโมง ครูผู้สอน คุณครู สุวีรา สุดาเดช ครูชำนาญการ โรงเรียนอำนาจเจริญ

ชื่อโครงงาน
          ภาวะโลกร้อน

ประเภทของโครงงาน
        พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา

ชื่อผู้จัดทำโครงงาน (จำนวน 5 คน)
          1.เด็กหญิง ฟองฝน     กาบสุวรรณ    เลขที่  3
          2.เด็กหญิง อัจฉรา      ทองปน          เลขที่  6
          3.เด็กหญิง ชนิดา        โพธารินทร์     เลขที่  9
          4.เด็กหญิง เสถียรพร   ปิสาขา          เลขที่ 18
          5.เด็กหญิง เสาวคนธ์   มูลเมา           เลขที่ 44
                        ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4

อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
        คุณครู สุวีรา    สุดาเดช

ระยะเวลาดำเนินการ
        1 ธันวาคม 2555 – 31 มกราคม 2556

แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
        ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบัน สังเกตได้จากอุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักของปัญหานี้ มาจาก ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases)ปรากฏการณ์เรือนกระจกมีความสำคัญกับโลกเพราะก๊าซจำพวกคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ มีเทน จะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลก ไม่ให้สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด มิฉะนั้น โลกจะกลายเป็นแบบดวงจันทร์ ที่ตอนกลางคืนหนาวจัด (และ ตอนกลางวันร้อนจัด เพราะไม่มีบรรยากาศ กรองพลังงาน จาก ดวงอาทิตย์) ซึ่งการทำให้โลกอุ่นขึ้นเช่นนี้ คล้ายกับหลักการของ เรือนกระจก (ที่ใช้ปลูกพืช) จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect)แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ CO2 ที่ออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรม รถยนต์ หรือการกระทำใดๆที่เผาเชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ) ส่งผลให้ระดับปริมาณ CO2 ในปัจจุบันสูงเกิน 300 ppm (300 ส่วนในล้านส่วน)เป็นครั้งแรกในรอบกว่า6แสนปี ซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากขึ้นนี้ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในโลกของเรามากขึ้นเรื่อยๆจนเกิดเป็นภาวะโลกร้อน ดังเช่นปัจจุบันภาวะโลกร้อนภายในช่วง 10 ปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 มานี้ ได้มีการบันทึกถึงปีที่มีอากาศร้อนที่สุดถึง 3 ปีคือ ปี พ.ศ. 2533, พ.ศ.2538 และปี พ.ศ.2540 แม้ว่าพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังมีความไม่แน่นอนหลายประการแต่การถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ ได้เปลี่ยนหัวข้อจากคำถามที่ว่า "โลกกำลังร้อนขึ้นจริงหรือ" เป็น "ผลกระทบจากการที่โลกร้อนขึ้นจะส่งผลร้ายแรง และต่อเนื่องต่อสิ่งที่มีชีวิตในโลกอย่างไร" ดังนั้น ยิ่งเราประวิงเวลาลงมือกระทำการ แก้ไขออกไปเพียงใด ผล
กระทบที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น และบุคคลที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ ลูกหลานของพวกเราเอง

วัตถุประสงค์
1.เพื่อสร้างองค์ความรู้ในเรื่องภาวะโลกร้อน สถานการณ์ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ประชาชนตื่นตัว และตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
2.เพื่อสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมประชาชนในการมีส่วนร่วมในการจัดการบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมไทยปัจจุบันและในอนาคต

หลักการและทฤษฎี
        ทุกวันนี้โลกของเราได้เกิดภาวะโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก และขาดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติมาก กลุ่มของเราจึงเลือกที่จะทำโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง ภาวะโลกร้อน เพื่อที่จะได้แนะนำวิธีการลดภาวะโลกร้อน สาเหตุและปัญหาของภาวะโลกร้อน และแนะนำแนวทางในการแก้ไขปัญหาภาวะโลก เพื่อที่จะทำให้โลกของเราปราศจากภาวะโลกร้อน และมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

วิธีดำเนินการ
        ประชุมสมาชิกในกลุ่มเพื่อที่จะได้ออกความคิดเห็นในเรื่องของการเลือกเรื่องที่จะทำโครงงาน

ขั้นตอนการปฏิบัติ
         1.เลือกเรื่องที่จะทำโครงงาน
         2.วางแผนเค้าโครงเรื่องที่จะทำ
         3.สืบค้นข้อมูลและนำมาเรียบเรียงเป็นโครงงานตามที่วางแผนไว้
         4.ตรวจสอบความเรียบร้อยและความถูกต้อง
         5.นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนและส่งคุณครูผู้สอน

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
        โลกของเรามีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ปราศจากภาวะโลกร้อน ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยมีความสุข เกษตรกรมีน้ำใช้ในการปลูกพืช ไร่ สวนครัว อย่างเพียงพอ

เอกสารอ้างอิง


วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ด้วยโปรแกรม Flip album

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ด้วยโปรแกรม Flip album

         หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารดิจิตอลที่มีลักษณะคล้ายหนังสือที่เป็นรูปเล่มที่ประกอบไปด้วยตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วีดีโอ เสียงดนตรี และเสียงอื่นๆ สามารถเผยแพร่ได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่ในรูปแบบซีดีหรือเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต

         โปรแกรม Flip album เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้สร้างสรรค์หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ด้วยลักษณะที่มีความเหมือนหนังสือที่เป็นรูปเล่ม ลักษณะการเปิดหรือพลิกหนังสือ ดูแล้วทำให้มีความสมจริงคล้ายกับหนังสือเป็นรูปเล่ม ง่ายต่อการศึกษาและการเก็บเกี่ยวข้อมูลรวบรวมเป็นหนังสือทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

ถ้าใครต้องการสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สามารถดูวิธีการสร้างได้ที่


วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

งานนำเสนอวีดีโอโรงเรียน (กลุ่ม)


จัดทำโดย
เด็กหญิง ฟองฝน  กาบสุวรรณ  เลขที่ 3
เด็กหญิง อัจฉรา  ทองปน  เลขที่ 6
นางสาว เสาวคนธ์  มูลเมา  เลขที่ 44
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4



วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

งานนำเสนอวีดีโอเดี่ยว


จัดทำโดย
เด็กหญิง ฟองฝน  กาบสุวรรณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4 เลขที่ 3

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันแม่แห่งชาติ


วันแม่แห่งชาติ


ประวัติวันแม่
          
แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป
          มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความ สำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวัน แม่ของชาติ
          ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ
          
1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
          2. จัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ
          3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
          4. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่ 

การจัดงานวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย

วันเเม่ 
          
          งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน
          ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ 



สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่
          สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่ คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย 

 เพลงที่ใช้ในวันเเม่
        
ค่าน้ำนม คือ เพลงอย่างเป็นทางการที่ใช้ในงานวันเเม่เเห่งชาติ เเต่งขึ้นโดย อาจารย์ สมยศ ทัศนพันธ์ ได้เรียบเรียงบทเพลงที่เรียกได้ว่า ขึ้นหิ้งอมตะ และเป็นงานเพลงชิ้นเอก ซึ่งได้ฟังเมื่อไร เป็นต้องหวนระลึกถึงบุญคุณของเเม่เเละวันคืนเก่าๆ ของวิถีไทยในสมัยก่อน
          เนื้อเพลง นอกจากจะให้เราระลึกถึงพระคุณเเม่เเล้วยังทำให้เรามองเห็นขนบดั้งเดิมตามวิถีไทย หลายอย่างจากเนื้อเพลง เช่นการศึกษาของผู้ชายไทยสมัยก่อนนั้น มักจะอยู่ในวัดวาอาราม ซึ่งเป็นแหล่งสอนสั่งความรู้ ทางโลก อ่านออกเขียนได้ และ ทางธรรม อันได้แก่ การถือศีล และยิดมั่นในพระรัตนไตร นอกจากนั้น ยังมีความเชื่อกันอีกว่า หากลูกชายบ้านใหน ได้บวชเรียน ก็จะส่งแผ่ อานิสงค์ไปให้กับพ่อแม่ ได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสู่ที่ดีๆ เมื่อถึงกาลแตกดับ
          ท่วงทำนองเสนาะโสต และ ทุ่มเย็น กับคำร้องที่ตรงไป ตรงมา ชวนให้นึกภาพตามได้ไม่ยาก แม้แต่เด็กเล็กๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ใครฟังเพลงนี้แล้วจะต้องหลั่งน้ำตาให้กับความซาบซึ้งแห่งรักที่แม่ มีให้เรา

          เพลง ค่าน้ำนม
          
แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเหไปจนไกล
          แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดแต่รักลูกปักดวงใจ เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนาอะไรมิใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม
          ควรคิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋าลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน
          ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย 

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา (วันอาสาฬหบูชา)


 วันอาสาฬหบูชา

ธรรมจักกัปปวัตนสูต

          วันอาสาฬหบูชา คือ วันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน   โดยแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จน พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี
          ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี จะตรงกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกหนึ่งวัน นั่นคือ "วันอาสาฬหบูชา" ซึ่งในปี พ.ศ.2555 นี้ วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันที่ 2 สิงหาคม และวันเข้าพรรษา ตรงกับวันที่ 3 สิงหาคม
          คำว่า "อาสาฬหบูชา" สามารถอ่านได้ 2 แบบ คือ อา-สาน-หะ-บู-ชา หรือ อา-สาน-ละ-หะ-บู-ชา ซึ่งจะประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ อาสาฬห ที่แปลว่า เดือน 8 ทางจันทรคติ กับคำว่า บูชา ที่แปลว่า การบูชา เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน 8 หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน 8 
          ทั้งนี้ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เรียกว่า  "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร"แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งหลังจากปฐมเทศนา หรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดงจบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีที่เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" พระโกณฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และได้อุปสมบทตามลำดับ
สำหรับใจความสำคัญของการปฐมเทศนา มีหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ คือ
    1. มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดำเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ
           การหมกมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่าเป็นการหลงเพลิดเพลินหมกมุ่นในกามสุข หรือกามสุขัลลิกานุโยค
           การสร้างความลำบากแก่ตน ดำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บำเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค
           ดังนั้น เพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ 8 ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่
           1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง
           2. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม
           3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคำสุจริต
           4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ คือ ทำการที่สุจริต
           5. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่สุจริต
           6. สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบำเพ็ญดี
           7. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทำการด้วยจิตสำนึกเสมอ ไม่เผลอพลาด
           8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน
    2. อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคลที่ห่างไกลจากกิเลส ได้แก่
           1. ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องกำหนดรู้ให้เท่าทันตามความเป็นจริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้ กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด
           2. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการสำคัญของทุกข์ คือ ตัณหาหรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นๆ
           3. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยการใช้ปัญญา
           4. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห่งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการดังกล่าวข้างต้น
กิจกรรมวันอาสาฬหบูชา 
           พิธีกรรมโดยทั่วไปที่นิยมกระทำในวันนี้ คือ การทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และสวดมนต์ ในตอนค่ำก็จะมีการเวียนเทียนที่เป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเรา ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรเข้าวัด เพื่อน้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเป็นการช่วยชะล้างจิตใจให้ปลอดโปร่งผ่องใส จะได้มีร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในยุคที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างนี้

อ้างอิงhttp://hilight.kapook.com/view/26024


วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แบบฝึกหัดการเขียนโปรแกรมหน้า 39

4.1 ให้นักเรียนเขียนโปรแกรมรับชื่อ-นามสกุล เมื่อรับชื่อและนามสกุลแล้วให้แสดงกล่องตอบโต้ทักทายว่า สวัสดี ตามด้วยชื่อที่รับมา

<html>
        <head>
        <script language="javascript">
        <!--
        var a;
        var b;
        a=prompt("Input your name");
        b=prompt("Input your Lastname");
        alert("สวัสดี" +a+b);
        </script>
        </head>
</html>

4.2 ให้นักเรียนเขียนโปรแกรมหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า และแสดงผลการหาค่าทางกล่องตอบโต้

<html>
        <head>
        <script language="javascript">
        <!--
        var a;
        var b;
        a=prompt("Input your widht");
        b=prompt("Input your neight");
        alert("พท.สี่เหลี่ยมผืนผ้า" +a*b);
        </script>
        </head>
</html>


วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความรักที่มีให้แก่กันซึ่งกันและกัน....^_^


สวัสดีค่ะ ^_^

ดิฉันชื่อ เด็กหญิง ฟองฝน กาบสุวรรณ

ชื่อเล่น นุ๊กนิ๊ก  อายุ 14 ปี

กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4  เลขที่ 4

โรงเรียนอำนาจเจริญ

เหตุผลที่เลือกเพลงรัก เพราะ เมื่อฟังแล้วมันได้อารมณ์มากค่ะ ฟังแล้วมันซึ้งๆ กินใจยังไงก็ไม่รู้ค่ะ ฟัง

แล้วก็อยากจะน้ำตาไหล เพราะคนที่แต่งเพลงนี้ได้แต่งมาจากเรื่องราวชีวิตจริง ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความ

รักของคนที่มอบให้แก่กันซึ่งกันและกัน ไม่ทอดทิ้งกันในยามที่เดือดร้อน ในยามที่ตกทุกข์ได้ยากก็จะ

ช่วยเหลือกัน มันเป็นเรื่องราวความรักที่ใหญ่มาก หาสิ่งใดเปรียบไม่ได้แล้ว ขอบอกคำเดียวเลยค่ะว่าถ้า

ใครได้ฟังเพลงนี้แล้วต้องชอบแน่นอนค่ะ แต่สำหรับฉันฟังเพลงนี้เมื่อใดๆก็ตามแต่ จะไม่มีวันที่ฉันจะลืม

เพลงนี้แน่นอนค่ะ เพราะถ้าเราฟังแล้วนำมาปรับประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน ชีวิตและหัวใจของ

เราขอรับลองเลยได้ว่าชีวิตนี้จะมีแต่ความสุขโลกแห่งความรักจะเป็นสีชมพู และเป็นความรักที่สดใสเบิก

บาน หัวเราะและยิ้มอยู่ตลอดเวลา ฟันธง!!!!!ค่ะ ^_^ :))))


วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

nooknik....^_^



ชื่อ เด็กหญิง ฟองฝน กาบสุวรรณ

ชื่อเล่น นุ๊กนิ๊ก   อายุ 14 ปี

กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4  เลขที่ 4

โรงเรียนอำนาจเจริญ